วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รายชื่อหนังสือ


แฮร์รี่ พอตเตอร์
กับห้องแห่งความลับ  
ห้องแห่งความลับ.jpg
ภาพปกหนังสือฉบับภาษาไทย
ผู้ประพันธ์เจ. เค. โรว์ลิ่ง
ชื่อต้นฉบับHarry Potter and the Chamber of Secrets
ผู้แปลสุมาลี บำรุงสุข
ผู้สร้างสรรค์ภาพประกอบFlag of the United States แมรี กรองด์เปร
ผู้สร้างสรรค์ปกFlag of the United Kingdom คลิฟฟ์ ไรท์
Flag of the United States แมรี กรองด์เปร
ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ผู้เผยแพร่สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์
วันเผยแพร่2 กรกฎาคม พ.ศ. 2541
จำนวนหน้าFlag of the United States 256 หน้า
Flag of the United States 341 หน้า
ธงชาติของไทย 408 หน้า
ฉบับก่อนหน้าแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์
ฉบับถัดมาแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน






แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ คือหนังสือเล่มที่สองของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่แต่งโดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง และแปลโดย สุมาลี (สุมาลี บำรุงสุข) ตีพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเป็นฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี พ.ศ. 2541 และฉบับภาษาไทยในเดือนกันยายน พ.ศ. 2543
หนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องต่อจากหนังสือเล่มแรกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์

  


เนื้อหา                                                                 


 โครงเรื่องโดยรวม

บ้านโพรงกระต่ายและการเดินทางไปฮอกวอตส์

เรื่องเริ่มต้นด้วยการที่แฮร์รี่ถูกครอบครัวเดอร์สลีย์ปฏิบัติเหมือนบุคคลอันตราย การที่แฮร์รี่พบว่าไม่มีเพื่อนคนไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นรอนหรือเฮอร์ไมโอนี่เขียนจดหมายมาหาเขา และนัดมื้อเย็นสำคัญของลุงเวอร์นอนกับลูกค้าของเขา ในขณะนั้นด๊อบบี้เอลฟ์ประจำบ้านก็ปรากฏตัวต่อให้แฮร์รี่ในขณะที่เขาซ่อนอยู่ในห้องนอนตามคำสั่งของลุงเวอร์นอน ด๊อบบี้มาเพื่อเตือนแฮร์รี่ไม่ให้กลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ในปีที่สองเพราะถ้าแฮร์รี่กลับไปที่โรงเรียน ชีวิตของเขาจะเป็นอันตราย แฮร์รี่เพิกเฉยต่อคำเตือนดังกล่าว และพบว่าด๊อบบี้นี่เองที่เป็นคนกักจดหมายของเพื่อนของเขา (รวมถึงของแฮกริด)ไว้และต่อมาทำให้แฮร์รี่ถูกขังไว้ในห้องนอนของเขาเอง เนื่องจากด๊อบบี้ทำลายมื้อเย็นของครอบครัวเดอร์สลีย์โดยทำให้ดูเหมือนว่าแฮร์รี่เป็นคนทำ
แต่หลังจากถูกขัง 3 วัน พี่น้องวีสลีย์ (เฟร็ด, จอร์จและรอน) ก็นำรถบินได้ของพ่อมาเพื่อช่วยแฮร์รี่ไปยังบ้านของครอบครัววีสลีย์ 'บ้านโพรงกระต่าย' แฮร์รี่ได้พบกับพ่อแม่ของรอน (นายอาเธอร์และนางมอลลี่ วีสลีย์) และจินนี่ น้องสาวคนเดียวของครอบครัวที่แอบชอบแฮร์รี่ และเขาก็อยู่กับครอบครัววีสลีย์จนกระทั่งพวกเขาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ตรอกไดแอกอน ซึ่งขณะที่อยู่ในร้านหนังสือตัวบรรจงและหยดหมึกนั้น กลุ่มของครอบครัววีสลีย์เผชิญหน้ากับพ่อและลูกชายมัลฟอย ลูเซียสและเดรโก มีปากเสียงกันและจบลงด้วยการชกต่อยกันกลางร้านหนังสือระหว่างนายวีสลีย์และนายมัลฟอย เนื่องจากนายมัลฟอยดูหมิ่นครอบครัวของเฮอร์ไมโอนี่และถูกจับแยกโดยแฮกริดที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์
ในวันเปิดเทอม พี่น้องวีสลีย์และแฮร์รี่เดินทางไปยังสถานีรถไฟคิงส์ครอสโดยรถยนต์โดยมีนายวีสลีย์ไปส่ง เพื่อเข้าไปในชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่ (กำแพงต้องมนตร์ที่กั้นระหว่างชานชาลาเก้าและชานชาลาสิบ) ครอบครัววีสลีย์เข้าไปได้ทั้งหมด ยกเว้นรอนและแฮร์รี่ที่ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่กลับชนกำแพง ทั้งสองตัดสินใจนำรถของพ่อบินไปยังฮอกวอตส์ ที่ๆพวกเขาพุ่งเข้าชนต้นวิลโลว์จอมหวดและโดนหวดจนรถเกือบพังและไม้กายสิทธิ์ของรอนหัก
                                 

   อาจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่และเสียงกระซิบ

จากการกระทำดังกล่าวทำให้แฮร์รี่และรอนเกือบถูกไล่ออก และทำให้แม่ของรอนส่งจดหมายกัมปนาทมาต่อว่ารอนถึงฮอกวอตส์ แฮร์รี่และเพื่อนพบว่าอาจารย์ผู้มารับช่วงสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดต่อจากควีเรลล์ ทาสรับใช้ของโวลเดอมอร์คือพ่อมดนักเขียนชื่อดัง กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ผู้มีนิสัยหลงรูปลักษณ์และชื่อเสียงของตน และให้ความสนใจกับบุคคลโด่งดังอย่างแฮร์รี่เป็นพิเศษ นอกจากนี้ แฮร์รี่ยังได้พบกับรุ่นน้องปีหนึ่งที่คลั่งไคล้เขาและชอบถ่ายรูปเขาเป็นประจำ คอลิน ครีฟวีย์ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้แก่แฮร์รี่ผู้ไม่ชอบชื่อเสียง ชีวิตของแฮร์รี่ยังดำเนินต่อไปอย่างธรรมดาจนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังรับโทษกักบริเวณจากความผิดเมื่อต้นเทอมกับศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตอยู่ แฮร์รี่ได้ยินเสียงจากหลังกำแพงเกี่ยวกับการฆ่า แฮร์รี่ยังคงได้ยินเสียงปริศนาดังกล่าวจนวันฮัลโลวีน ในขณะที่แฮร์รี่และเพื่อนเดินกลับมาจากงานเลี้ยงของผี พวกเขาพบแมวของภารโรงตัวแข็งถูกจับห้อยลงมาจากคบเพลิง โดยมีข้อความเขียนไว้เหนือร่างแมวว่า "ห้องแห่งความลับเปิดออกแล้ว เหล่าศัตรูของทายาท
 จงระวัง!"

 ห้องแห่งความลับและสมุดบันทึกของ ท.ม. ริดเดิ้ล

เหตุดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเหล่าคณาจารย์และนักเรียนที่รู้ตำนานเกี่ยวกับห้องแห่งความลับเป็นอย่างมาก แฮร์รี่พบว่าห้องแห่งความลับคือตำนานที่เล่าว่าผู้ก่อตั้งที่สี่ของฮอกวอตส์ ซัลลาซาร์ สลิธีรินต้องการให้นักเรียนที่เกิดมาจากครอบครัวผู้วิเศษเท่านั้นเข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์ได้ ซึ่งขัดกับความคิดของผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนอื่นๆ จึงทำให้สลิธีรินออกจากโรงเรียนไป แต่ตำนานกล่าวไว้ว่า ก่อนที่เขาจะจากไป ได้สร้างห้องแห่งความลับซ่อนไว้ในตัวปราสาทเพื่อรอว่าสักวันหนึ่งที่จะมีทายาทแห่งสลิธีรินที่แท้จริงเปิดห้องแห่งความลับออกมา และปลดปล่อยปีศาจร้ายที่จะกำจัดผู้วิเศษซึ่งเกิดจากมักเกิ้ล (บุคคลที่ไม่มีอำนาจเวทมนตร์)ให้หมดไปจากโรงเรียน แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่สงสัยมัลฟอยว่าอาจเป็นทายาทแห่งสลิธีริน พวกเขาจึงวางแผนจะปรุงน้ำยาสรรพรสออกมาเพื่อแปลงตัวเข้าไปหามัลฟอย และขุดคุ้ยข้อมูลเรื่องดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ก็มีคนถูกโจมตีมากขึ้นอีกได้แก่คอลิน ครีฟวีย์ และนิกหัวเกือบขาด ผีประจำบ้านกริฟฟินดอร์ แต่ต่อมา หลังจากที่แฮร์รี่พูดภาษาพาร์เซลกับงูที่มัลฟอยเสกขึ้นมาในชมรมการต่อสู้ตัวต่อตัว เขาก็ถูกสงสัยว่าอาจจะเป็นทายาทสลิธีริน ทำให้ถูกรังเกียจและหวาดกลัวจากบรรดาผู้ที่เชื่อเช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นานนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ จัสติน ฟินช์-เฟล็ทชลีย์ก็ถูกโจมตีด้วยอีกคน ทำให้ความสงสัยว่าแฮร์รี่อาจจะเป็นทายาทเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
ในที่สุดน้ำยาสรรพรสก็พร้อมหลังจากผ่านการเคี่ยวมานานในห้องน้ำหญิงชำรุดที่มีผีเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญอาศัยอยู่ แฮร์รี่แปลงเป็นกอยล์ รอนแปลงเป็นแครบ และเฮอร์ไมโอนี่ (โดยไม่ได้ตั้งใจ) แปลงเป็นแมวของมิลลิเซนต์ บัลสโตรด (เนื่องจากน้ำยาสรรพรสแปลงรูปมนุษย์เป็นสัตว์ไม่ได้ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องได้รับการรักษา) จึงมีเพียงแฮร์รี่และรอนเท่านั้นที่ได้เข้าไปหามัลฟอย แต่มัลฟอยสารภาพกับแฮร์รี่และรอนในร่างของกอยล์และแครบว่าเขาไม่ได้ทำ สร้างความประหลาดใจให้แก่ทั้งสองคนพอสมควร และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องพยาบาลหลังจากผ่านการรักษาแล้ว แฮร์รี่ก็เผอิญพบกับสมุดบันทึกเปียกน้ำในห้องน้ำหญิงชำรุด แฮร์รีพบว่าสมุดบันทึกเล่มนี้เป็นของ ทอม ริดเดิ้ล นักเรียนที่ฮอกวอตส์เมื่อ 50 ปีที่แล้วซึ่งบันทึกความจำเอาไว้ในสมุดบันทึกของตน เขาพาแฮร์รี่ไปดูเหตุการณ์เมื่อ 50 ปีก่อนเมื่อห้องแห่งความลับถูกเปิดเป็นครั้งแรก ริดเดิ้ลแสดงให้แฮร์รี่ดูว่าผู้กระทำผิดเมื่อ 50 ปีที่แล้วคือแฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์ในปัจจุบันนี่เอง แฮร์รี่และเพื่อนพบว่าแฮกริดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในขณะเดียวกันแฮร์รี่ยังคงได้ยินเสียงปริศนานั้นอยู่ต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน มีการโจมตีอีกครั้งติดต่อกันสองรายรวดได้แก่ เพเนโลพี เคลียร์วอเทอร์ พรีเฟ็คบ้านเรเวนคลอ และเฮอร์ไมโอนี่เอง นี่ทำให้แฮกริดถูกจับกุมตัวไปยังคุกอัซคาบัน สถานจองจำของพ่อมดแม่มดที่ทำผิดร้ายแรง รวมถึงดัมเบิลดอร์ถูกคณะกรรมการสั่งพักงานจากคำขู่เข็ญของนายมัลฟอย ทำให้แฮร์รี่และรอนยิ่งต้องรีบค้นหาทายาทแห่งสลิธีรินให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งคู่ทำตามคำใบ้ของแฮกกริดไปเข้าไปในป่าต้องห้าม ที่ที่พวกเขาพบกับแมงมุมยักษ์ชื่อว่าอาราก็อก ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของแฮกริดมาตั้งแต่เด็ก และแมงมุมตัวนี้เองที่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจในห้องแห่งความลับ แมงมุมยักษ์กล่าวกับทั้งสองคนว่าแฮกริดไม่ใช่คนเปิดห้องแห่งความลับ และมันก็ไม่ได้เป็นสัตว์ร้ายดังตำนาน แต่สัตว์ร้ายนั้นมีอยู่จริงและเป็นสัตว์ที่พวกแมงมุมกลัวมาก จนต้องหนีออกมาอยู่นอกปราสาท เมื่อทราบแล้วแฮร์รี่และรอนก็ถูกบรรดาลูกสมุนแมงมุมของอาราก็อกพยายามจับตัวเป็นอาหาร แต่โชคดีที่รถฟอร์ดแองเกลียบินได้มาช่วยพวกเขาทันเวลาทำให้หนีออกมาจากรังแมงมุมได้อย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นไม่นาน ด้วยความช่วยเหลือจากโน้ตที่เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งไว้ แฮร์รี่และรอนจึงไขปริศนาได้ว่าแท้ที่จริงแล้วสัตว์ร้ายแห่งห้องแห่งความลับคืองูยักษ์บาซิลิสก์ ซึ่งมีดวงตาอานุภาพสังหารที่เพียงสบตามันก็จะเสียชีวิตในทันที โชคดีที่แต่ละคนดูเหมือนจะสบตางูทางอ้อมทั้งสิ้น (ยกเว้นผีนิคหัวเกือบขาด ที่สบตากับงูตรงๆ แต่เขา'ไม่สามารถตายได้อีก') ทันทีที่ทราบทั้งสองก็พบว่าน้องสาวของรอน จินนี่จะถูกจับตัวไปยังห้องแห่งความลับ โดยมีข้อความเป็นเลือดทิ้งไว้ว่า "โครงกระดูกของเธอจะนอนอยู่ในห้องชั่วนิรันดร์" เมื่อทราบพวกเขาจึงไปตามศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ต (ที่กำลังจะหนีเนื่องจากได้รับมอบหมายให้ไปหาตัวจินนี่) ล็อกฮาร์ตปฏิเสธและถูกแฮร์รี่และรอนบังคับให้ลงไปในท่ออุโมงค์ของห้องแห่งความลับที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องน้ำหญิงชำรุด ที่ที่ล็อกฮาร์ตชิงไม้กายสิทธิ์มาจากรอน และเสกคาถาลบความจำใส่แฮร์รี่และรอนซึ่งทราบแล้วว่า ล็อกฮาร์ตอาศัยประสบการณ์ของคนอื่นไปเขียนหนังสือแล้วเสกคาถาลบความจำคนคนนั้น แต่ไม้กายสิทธิ์ของรอนที่เสียหายตั้งแต่ต้นปีสะท้อนคาถาลบความจำเข้าสู่ตัวล็อกฮาร์ต ทำให้เขาความจำเสื่อมเสียเอง รอนอยู่เฝ้าล็อกฮาร์ตที่ความจำเสื่อมไปแล้ว ส่วนแฮร์รี่เข้าไปในห้องแห่งความลับคนเดียว เขาพบว่าจินนี่กำลังจะตาย และพบทอม ริดเดิ้ลที่เคยอยู่แต่ในความทรงจำในสมุดบันทึกเมื่อ 50 ปีก่อน บัดนี้ปรากฏตัวให้เห็นเป็นรูปร่างภายนอกเกือบเด่นชัดแล้ว ริดเดิ้ลบอกกับแฮร์รี่ว่าจินนี่กำลังถ่ายชีวิตและจิตวิญญาณให้กับเขา และทำให้เขาแข็งแรงขึ้น ในที่สุดเขาเปิดเผยตัวเองว่าเขาเป็นความทรงจำเมื่อ 50 ปีที่แล้วของโวลเดอมอร์ในวัยสิบหกปี ผู้ซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงของซาลาซาร์ สลิธีริน จากนั้นริดเดิ้ลก็สั่งให้งูยักษ์บาสิลิสก์ลงมือสังหารแฮร์รี่ แต่เมื่อแฮร์รี่กล่าวแสดงความภักดีต่อดัมเบิลดอร์ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากฟอกส์ นกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ที่นำหมวกคัดสรรซึ่งซ่อนดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์มาให้ และฟอกส์ช่วยแฮร์รี่โดยการจิกลงไปยังตาพิฆาตของบาสิลิสก์ ทำให้ตาของงูยักษ์ไม่เป็นอันตรายต่อแฮร์รี่อีกต่อไป แฮร์รี่สามารถสังหารบาสิลิสก์ได้ แต่ก็ต้องแลกกับการถูกเขี้ยวพิษของงูฝังเข้าไปเต็มๆ ทว่าฟอกส์ก็ช่วยแฮร์รี่ได้อีกครั้งด้วยการหลั่งหยาดน้ำตาของนกฟีนิกซ์ซึ่งมีอำนาจสมานแผล เมื่อแฮร์รี่กลับมาเป็นปกติแล้วก็สามารถกำจัดริดเดิ้ลโดยทำลายสมุดบันทึกด้วยเขี้ยวพิษของงู และคืนชีวิตและวิญญาณให้แก่จินนี่อีกครั้ง
นักเรียนทุกคนที่ถูกทำร้ายกลับคืนสู่สภาพปกติ แฮร์รี่พบว่าลูเซียส มัลฟอยนั่นเองเป็นผู้ยัดสมุดบันทึกให้กับจินนี่ขณะที่วิวาทกันกลางร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แต่ไม่สามารถทำอะไรนายมัลฟอยได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาทำเช่นนั้น แฮร์รี่สังเกตเห็นด๊อบบี้ที่มากับเจ้านายมัลฟอย จึงหาทางช่วยโดยซ่อนถุงเท้าไว้ในสมุดบันทึกของริดเดิ้ลแล้วนำไปคืนให้นายมัลฟอย นายมัลฟอยยื่นสมุดบันทึกให้ด๊อบบี้ แฮร์รี่พยายามให้ด๊อบบี้เปิดสมุดบันทึกของริดเดิ้ลเพื่อจะได้เห็นถุงเท้า ซึ่งการกระทำเช่นนั้น(การที่เจ้านายมอบเสื้อผ้าให้เอลฟ์ประจำบ้านของตนเอง)คือการปล่อยด๊อบบี้ให้เป็นไท ด๊อบบี้ผู้เป็นไทแล้วสำนึกในบุญคุณของแฮร์รี่อย่างสูง ล็อกฮาร์ตผู้ความจำเสื่อมถาวรถูกส่งตัวเข้าไปบำบัดในโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโกเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บ และปีที่สองในฮอกวอตส์ของแฮร์รี่ก็จบลงอย่างมีความสุข.

    
                         

             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น